ภูเก็ต-ตำรวจภูธรภาค 8 แถลงผลปฏิบัติการ ทลายเครือข่ายทุนต่างชาติ

ตำรวจภูธรภาค 8 แถลงผลปฏิบัติการ ทลายเครือข่ายทุนต่างชาติ แย่งอาชีพคนไทย มูลค่าความเสียหายกว่า 1,000 ล้านบาท
ตามนโยบายของ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ซึ่งได้สั่งการให้ดำเนินการตรวจสอบ สืบสวน และจับกุมบุคคลต่างด้าวที่เข้ามาพำนักในราชอาณาจักรโดยมีพฤติการณ์กระทำความผิดทางอาญา ประกอบธุรกิจโดยฝ่าฝืนกฎหมาย หรือดำเนินกิจกรรมที่ก่อให้เกิดความเดือดร้อนต่อประชาชน ทั้งนี้ เพื่อเป็นการป้องกันและคุ้มครองสิทธิประโยชน์ของผู้ประกอบการชาวไทยที่ได้รับผลกระทบจากการที่บุคคลต่างด้าวเข้ามาประกอบธุรกิจอย่างไม่ถูกต้องตามกฎหมาย

โดยอาศัยรูปแบบการจัดตั้ง นอมินี เพื่ออำพรางการดำเนินธุรกิจ ได้รับผลประโยชน์โดยไม่ต้องเสียภาษีอย่างถูกต้อง ซึ่งการดำเนินการดังกล่าวได้รับความช่วยเหลือจากบุคคลสัญชาติไทยบางกลุ่ม รวมถึงสำนักงานบัญชีที่ให้คำแนะนำในการดำเนินการลักษณะดังกล่าว ส่งผลให้รัฐได้รับความเสียหาย และประชาชนได้รับผลกระทบจากการแข่งขันทางธุรกิจที่ไม่เป็นธรรม
ภายใต้การอำนวยการของ พล.ต.อ.ธนา ชูวงศ์ รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ / ผู้อำนวยการศูนย์ปราบปรามคนร้ายข้ามชาติและเข้าเมืองโดยผิดกฎหมาย สำนักงานตำรวจแห่งชาติ, พล.ต.ท.กฤษฎา สุรเชษฐ์พงษ์ ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ / รองผู้อำนวยการศูนย์ฯ และ พล.ต.ท.อิทธิพล อิทธิสารรณชัย ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ / รองผู้อำนวยการศูนย์ฯ ได้มอบหมายให้ พล.ต.ท.สุรพงษ์ ถนอมจิตร ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 8 และ พล.ต.ต.พรชัย ขจรกลิ่น รองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 8 ดำเนินการตามนโยบายดังกล่าว


ตำรวจภูธรภาค 8 ได้ดำเนินการตรวจสอบและปิดล้อมตรวจค้นเป้าหมายที่เกี่ยวข้องกับกลุ่มชาวต่างชาติที่เข้ามาประกอบธุรกิจในประเทศไทยโดยมิชอบด้วยกฎหมาย ครอบคลุมพื้นที่ 7 จังหวัดในเขตตำรวจภูธรภาค 8 รวม 29 เป้าหมาย ผลการปฏิบัติสามารถจับกุมผู้ต้องหาได้ 23 ราย โดยคดีสำคัญ คือ การจับกุม บุคคลสัญชาติจีน ในพื้นที่จังหวัดภูเก็ต ซึ่งมีพฤติการณ์อำพรางการดำเนินธุรกิจโดยให้บุคคลอื่นถือครองแทน (นอมินี) ในลักษณะธุรกิจต่าง ๆ ได้แก่ ร้านอาหารและเครื่องดื่ม, โรงเรียนนานาชาติ, โรงแรม, ธุรกิจให้เช่ารถยนต์, คอนโดมิเนียม และโครงการบ้านจัดสรร (วิลล่าหรู) รวมมูลค่าการลงทุนประมาณ 1,000 ล้านบาท
นอกจากนี้ ได้มีการตรวจยึดเงินสดจำนวน 4,108,000 บาท เพื่อนำไปตรวจสอบ และดำเนินการตรวจค้นสำนักงานบัญชีที่มีส่วนเกี่ยวข้องในการสนับสนุนและจัดทำเอกสารอำพรางธุรกิจของบุคคลต่างด้าว

ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 24 กุมภาพันธ์ 2568 เวลาประมาณ 23.00 น. ตำรวจภูธรจังหวัดนครศรีธรรมราชได้ดำเนินการจับกุม ขบวนการลักลอบขนบุหรี่ไฟฟ้า โดยการจับกุมผู้ต้องหา นายมานิตย์ (ขอสงวนนามสกุล) พร้อมด้วยรถบรรทุกฮีโน่ 1 คัน และพ็อตบุหรี่ไฟฟ้าประมาณ 50,000 ชิ้น บริเวณริมถนนสายเอเชีย 41 อำเภอจุฬาภรณ์ จังหวัดนครศรีธรรมราช โดยกล่าวหาว่าผู้ต้องหาช่วยซ่อนเร้น จำหน่าย หรือรับไว้ซึ่งสินค้าที่เข้ามาในราชอาณาจักรโดยไม่ได้ผ่านพิธีการศุลกากรอย่างถูกต้อง ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของนโยบายรัฐบาลและสำนักงานตำรวจแห่งชาติในการป้องกันและปราบปรามการลักลอบนำบุหรี่ไฟฟ้าเข้ามาในประเทศ
ตำรวจภูธรภาค 8 จึงขอประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนทราบ และขอความมั่นใจจากประชาชนในการแก้ไขปัญหาการกระทำผิดของบุคคลต่างด้าวและการปราบปรามการทำผิดเกี่ยวกับบุหรี่ไฟฟ้า ว่าจะดำเนินการอย่างต่อเนื่องและเป็นรูปธรรมเพื่อประโยชน์ต่อความสงบเรียบร้อยของสังคมไทยต่อไป

Related posts